ขั้นตอนการเปลี่ยนสำนักงานบัญชีสำหรับธุรกิจ SME
การเปลี่ยนสำนักงานบัญชีอาจดูเป็นเรื่องยุ่งยากสำหรับเจ้าของธุรกิจ แต่ไม่ต้องกังวล เราได้รวบรวมขั้นตอนที่จำเป็นทั้งหมดไว้ในบทความนี้ เพื่อให้คุณสามารถเปลี่ยนสำนักงานบัญชีได้อย่างราบรื่น
หัวข้อ
สัญญาณที่บ่งบอกว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนสำนักงานบัญชี
- การสื่อสารล่าช้า ไม่ตอบกลับในเวลาที่เหมาะสม หรือไม่สามารถติดต่อได้เมื่อมีเรื่องเร่งด่วน
- พบข้อผิดพลาดในการทำบัญชีหรือการยื่นภาษีบ่อยครั้ง ทำให้ธุรกิจของคุณเสี่ยงต่อการถูกตรวจสอบจากกรมสรรพากร
- ไม่ได้รับคำแนะนำที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับการวางแผนภาษีหรือการจัดการทางการเงิน
- ค่าบริการไม่สมเหตุสมผลเมื่อเทียบกับคุณภาพงานที่ได้รับ
ขั้นตอนการเปลี่ยนสำนักงานบัญชี
1. การเตรียมการก่อนเปลี่ยน
รวบรวมเอกสารสำคัญ
- เอกสารจดทะเบียนบริษัท
- งบการเงินย้อนหลัง
- แบบภาษีที่เคยยื่นไว้ (ภ.พ.30, ภ.ง.ด.3, ภ.ง.ด.53, ภ.ง.ด.50)
- รายการบัญชีแยกประเภท
- งบทดลอง
- ทะเบียนสินทรัพย์
- รายงานลูกหนี้
- รายงานเจ้าหนี้
- ชื่อบัญชีและรหัสผ่านของหน่วยงานต่างๆ เช่น กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมสรรพากร ประกันสังคม
- เอกสารทางบัญชีอื่นๆ ที่สำคัญ
ตรวจสอบสัญญา
- อ่านเงื่อนไขการยกเลิกในสัญญาปัจจุบัน
- ระยะเวลาแจ้งล่วงหน้าที่ต้องการ
- ค่าธรรมเนียมการยกเลิกก่อนกำหนด (ถ้ามี)
2. การเลือกสำนักงานบัญชีใหม่
สิ่งที่ควรพิจารณา:
- ประสบการณ์ในธุรกิจประเภทเดียวกับคุณ
- ใบอนุญาตและการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
- ระบบการทำงานและเทคโนโลยีที่ใช้
- ช่องทางการติดต่อสื่อสารและความรวดเร็วในการตอบกลับ
- ความโปร่งใสของค่าบริการ
- บริการเสริมที่เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจ
3. การส่งมอบงาน
แจ้งสำนักงานบัญชีเดิม
- แจ้งความประสงค์เป็นลายลักษณ์อักษร
- กำหนดวันที่ต้องการยกเลิกบริการ
- ขอรับเอกสารทั้งหมดคืน
ประสานงานการส่งมอบ
- จัดทำรายการเอกสารที่ต้องส่งมอบ
- ตรวจสอบความครบถ้วนของเอกสาร
- บันทึกรายการค้างส่งหรือค้างชำระ
4. การเริ่มงานกับสำนักงานบัญชีใหม่
การตั้งค่าเริ่มต้น
- ส่งมอบเอกสารทั้งหมดให้สำนักงานบัญชีใหม่
- อธิบายลักษณะธุรกิจและความต้องการพิเศษ
- กำหนดผู้ประสานงานหลักทั้งสองฝ่าย
- ตกลงรูปแบบและความถี่ในการรายงานผล
การติดตามงาน
- ตรวจสอบความถูกต้องของการบันทึกบัญชีในช่วงแรก
- ติดตามการยื่นภาษีและรายงานต่างๆ
- ประเมินคุณภาพการให้บริการ
ข้อควรระวังในการเปลี่ยนสำนักงานบัญชี
- ช่วงเวลาที่เหมาะสม
- หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนในช่วงใกล้สิ้นรอบบัญชี
- ควรเปลี่ยนในช่วงต้นไตรมาสหรือต้นปีบัญชี
- วางแผนล่วงหน้าอย่างน้อย 1-2 เดือน
- การส่งมอบข้อมูล
- ตรวจสอบความครบถ้วนของเอกสาร
- สำรองข้อมูลสำคัญไว้
- จัดทำบันทึกการส่งมอบเป็นลายลักษณ์อักษร
- การชำระค่าบริการ
- ตรวจสอบยอดค้างชำระกับสำนักงานบัญชีเดิม
- ทำความเข้าใจโครงสร้างค่าบริการของสำนักงานใหม่
- เก็บหลักฐานการชำระเงินทุกครั้ง
สรุป
การเปลี่ยนสำนักงานบัญชีเป็นการตัดสินใจสำคัญที่ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจ การวางแผนที่ดีและการเตรียมการอย่างรอบคอบจะช่วยให้การเปลี่ยนแปลงเป็นไปอย่างราบรื่น เจ้าของธุรกิจควรให้ความสำคัญกับการเลือกสำนักงานบัญชีที่มีความเชี่ยวชาญและเข้าใจธุรกิจของคุณ รวมถึงมีการสื่อสารที่ชัดเจนและโปร่งใส เพื่อสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่ยั่งยืนในระยะยาว
คำถามที่พบบ่อย
Q: ต้องแจ้งกรมสรรพากรหรือไม่เมื่อเปลี่ยนสำนักงานบัญชี?
A: ไม่จำเป็นต้องแจ้ง เพราะสำนักงานบัญชีเป็นเพียงผู้ให้บริการ ไม่ใช่ตัวแทนจดทะเบียนของบริษัท
Q: จะขอเอกสารคืนจากสำนักงานบัญชีเดิมได้ทั้งหมดหรือไม่?
A: ได้ครับ เพราะเอกสารทั้งหมดเป็นทรัพย์สินของบริษัทคุณ สำนักงานบัญชีมีหน้าที่เก็บรักษาและส่งคืนเมื่อยกเลิกบริการ
Q: ควรเก็บเอกสารไว้นานแค่ไหน?
A: ตามกฎหมายต้องเก็บเอกสารทางบัญชีไว้อย่างน้อย 5 ปี แต่แนะนำให้เก็บไว้ 7-10 ปีเพื่อความปลอดภัย
ติดต่อเรา
- สถานที่ : 1239/144 หมู่บ้าน เดอะ มิราเคิล ซอยเพชรเกษม 63
- เบอร์โทร : 082-441-6529
- Email : pm.audit.acc@gmail.com
- LINE : https://line.me/ti/p/@pmac
- Website : https://pmaccounting.net