บทความนี้เหมาะกับใคร ??
- ผู้ที่ไม่เคยยื่นภาษีมาก่อน
- ผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นทำงาน
- ผู้ที่ไม่แน่ใจว่าตัวเองต้องเสียภาษีหรือไม่
หัวข้อ
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา คืออะไร ??
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา คือ ภาษีที่บุคคลธรรมดา ต้องเสียให้กับรัฐบาลไทย ตามรายได้ที่ได้รับในแต่ละปี โดยต้องยื่นภาษีภายในมกราคม-มีนาคมของปีถัดไป โดยรายได้ของบุคคลธรรมดาเป็นแบบประเมินตนเอง โดยใช้เกณฑ์เงินสด คือดูว่ารายได้ที่ได้รับเป็นเงินสดในปีภาษีเป็นเท่าไหร่
ใครต้องยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ??
- มีเงินได้เงินเดือนประเภทเดียว เกิน 120,000 บาท (ยื่นแบบ ภ.ง.ด.91)
- มีเงินได้ประเภทอื่นนอกจากเงินเดือน เกิน 60,000 บาท (ยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 / ภ.ง.ด.94)
การคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสามารถคำนวณได้จากสมการ ดังนี้
ภาษีที่ต้องจ่าย = อัตราภาษีในแต่ละขั้น x เงินได้สุทธิ
เงินได้สุทธิ = เงินได้ทั้งปี – ค่าใช่จ่ายตามประเภทเงินได้ – ค่าลดหย่อน
อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 2567
รายได้สุทธิ (บาท) | อัตราภาษี |
ไม่เกิน 150,000 บาท | ไม่ต้องเสียภาษี |
ตั้งแต่ 150,001 บาท – 300,000 บาท | 5% |
ตั้งแต่ 300,001 บาท – 500,000 บาท | 10% |
ตั้งแต่ 500,001 บาท – 750,000 บาท | 15% |
ตั้งแต่ 750,001 บาท – 1,000,000 บาท | 20% |
ตั้งแต่ 1,000,001 บาท – 2,000,000 บาท | 25% |
ตั้งแต่ 2,000,001 บาท – 5,000,000 บาท | 30% |
ตั้งแต่ 5,000,001 บาทขึ้นไป | 35% |
ค่าใช้จ่ายของประเภทตามประเภทของเงินได้สามารถเลือกทำค่าใช้จ่ายแบบเหมาหรือตามจริงก็ได้ โดยเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 สามารถมีรายละเอียดดังนี้
รายละเอียดเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 | การหักค่าใช้จ่าย | ||
ประเภท | รายละเอียด | แบบเหมา | ตามจริง |
40 (1) | เงินได้เนื่องจากการจ้างแรงงาน เช่น เงินดือน ค่าจ้าง เบี้ยเลี้ยง โบนัส ค่าเช่าบ้าน | คิดค่าใช้จ่ายรวมกันได้ 50% แต่ไม่เกิน 100,000 บาท | – |
40 (2) | เงินได้จากหน้าที่หรือตำแหน่งงานที่ทำ หรือจากการรับทำงานให้ เช่น ค่านายหน้า ค่าธรรมเนียม เบี้ยประชุม | – | |
40 (3) | ค่าแห่งกู๊ดวิลล์ ค่าลิขสิทธิ์ ค่าทรัพย์สินทางปัญญาหรือสิทธิอย่างอื่น | หักได้ 50% แต่ไม่เกิน 100,000 บาท | หักตามจริงตามสมควร |
40 (4) | ดอกเบี้ย เงินปันผล ส่วนแบ่งกำไร | – | – |
40 (5) | รายได้จากการให้เช่าทรัพย์สิน การผิดสัญญาเช่าซื้อ การผิดสัญญาซื้อขายเงินผ่อน | (ก) สิ่งปลูกสร้าง 30%
(ข) ที่ดินเพื่อการเกษตร 20% (ค) ที่ดินที่มิได้ใช้ในการเกษตรกรรม 15% (ง) ยานพาหนะ 30% (จ) ทรัพย์สินอื่น 10% | หักตามจริงตามสมควร |
40 (6) | เงินได้จากวิชาชีพอิสระ เช่น วิชาชีพกฎหมาย การประกอบโรคศิลป(แพทย์) วิศวกรรม สถาปัตยกรรม การบัญชี ประรีตศิลปกรรม | (1) การประกอบโรคศิลปะ 60%
(2) วิชาชีพอิสระอื่นนอกจากการประกอบโรคศิลปะ 30% | หักตามจริงตามสมควร |
40 (7) | เงินได้จากการรับเหมาก่อสร้าง ที่ผู้รับเหมาต้องลงทุนด้วยการจัดหาสัมภาระในส่วนสำคัญนอกจากเครื่องมือ | หักค่าใช้จ่ายเป็ นการเหมา 60% | หักตามจริงตามสมควร |
40 (8) | เงินได้อื่นๆนอกจาก 1-7 ได้แก่เงินได้จากธุรกิจการพาณิชย์ การเกษตร อุตสาหกรรม การขนส่ง การขายอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น | หักค่าใช้จ่ายเป็ นการเหมาในอัตราตาม ตารางอัตราการหักค่าใช้จ่าย เป็ นการเหมาส าหรับเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (8) เฉพาะกิจการ 43 ประเภท โดยสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่ | หักตามจริงตามสมควร |
ค่าลดหย่อนภาษีของบุคคลธรรมดามีหลายประเภท ซึ่งตามรายละเอียดด้านล่างเป็นค่าลดหย่อนที่เราใช้ในการวางแผนภาษี
- ค่าลดหย่อนส่วนตัว:
– ผู้มีเงินได้: 60,000 บาท
– คู่สมรสที่ไม่มีเงินได้: 60,000 บาท
- ค่าลดหย่อนบุตร:
– บุตรคนละ 30,000 บาท (ไม่จำกัดจำนวนบุตร)
– บุตรที่กำลังศึกษา: เพิ่มอีก 30,000 บาทต่อคน
- ค่าลดหย่อนผู้พิการหรือทุพพลภาพ: 60,000 บาทต่อคน
- ค่าลดหย่อนผู้สูงอายุ (อายุ 65 ปีขึ้นไป): 190,000 บาท
- ค่าลดหย่อนเบี้ยประกัน:
– ประกันชีวิต: ไม่เกิน 100,000 บาท
– ประกันสุขภาพ: ไม่เกิน 25,000 บาท
- เงินสมทบกองทุนประกันสังคม: ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 9,000 บาท
- ค่าลดหย่อนเงินบริจาค: ไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนอื่นๆ
- ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อซื้อ เช่าซื้อ หรือสร้างอาคารอยู่อาศัย: ไม่เกิน 100,000 บาท
- เงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ: ไม่เกิน 10,000 บาท
- เงินสะสมกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.): ตามที่จ่ายจริง
- ค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF): ไม่เกิน 30% ของเงินได้ และไม่เกิน 500,000 บาท
- ค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF): ไม่เกิน 15% ของเงินได้ และไม่เกิน 500,000 บาท
- เงินสมทบกองทุนการออมแห่งชาติ: ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 13,200 บาท
- ค่าใช้จ่ายเพื่อการศึกษาบุตร: ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 30,000 บาทต่อคน
- ค่าซื้อสินค้าหรือบริการจากผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม: ตามมาตรการของรัฐในแต่ละปี
ค่าลดหย่อนบางรายการอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามนโยบายของรัฐบาลในแต่ละปีภาษี ควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากกรมสรรพากรก่อนการยื่นภาษีทุกปี
สิ่งที่ต้องรู้สำหรับผู้ที่ไม่เคยยื่นภาษีมาก่อน
การลงทะเบียน:
– ใช้เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร (เลข 13 หลัก) จากกรมสรรพากร
– สามารถลงทะเบียนออนไลน์หรือที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่
– ต้องเตรียมเอกสารยืนยันตัวตน โดยเฉพาะ บัตรประชาชน และเบอร์โทรศัพท์สำหรับการรับ OTP
- กำหนดการยื่น:
– ยื่นภายในวันที่ 31 มีนาคม ของปีถัดไปสำหรับเงินได้ในปีภาษีที่ผ่านมา หากยื่นออนไลน์สามารถยื่นได้ถึงวันที่ 8 เมษายนของปีถัด
- แบบฟอร์ม:
– ภ.ง.ด.90: สำหรับผู้มีเงินได้จากเงินเดือน ค่าจ้าง หรือเงินได้อื่นๆ
– ภ.ง.ด.91: สำหรับผู้มีเงินได้จากการประกอบธุรกิจ วิชาชีพอิสระ นำส่งภาษีสิ้นปี
– ภ.ง.ด.94: สำหรับผู้มีเงินได้จากการประกอบธุรกิจ วิชาชีพอิสระ นำส่งภาษีกลางปี
- เอกสารประกอบ:
– หลักฐานแสดงรายได้ เช่น ใบแจ้งรับรองการหัก ณ ที่จ่าย (50 ทวิ)
– หลักฐานค่าลดหย่อน เช่น ใบเสร็จรับเงินประกันชีวิต เงินบริจาค
– หลักฐานการหักภาษี ณ ที่จ่าย
- วิธีการคำนวณ:
– คำนวณเงินได้สุทธิโดยนำเงินได้พึงประเมินหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน
– นำเงินได้สุทธิมาคำนวณภาษีตามอัตราก้าวหน้า
- ช่องทางการยื่น:
– ยื่นออนไลน์ผ่านเว็บไซต์กรมสรรพากร
– ยื่นที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่
– ยื่นทางไปรษณีย์ลงทะเบียน
- ค่าลดหย่อนที่สามารถใช้เป็นสิทธิประโยชน์ทางภาษี:
– ค่าลดหย่อนส่วนตัว ค่าลดหย่อนคู่สมรส บุตร
– ค่าลดหย่อนประกันชีวิต ประกันสุขภาพ เงินบริจาค
– เงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุน RMF, SSF
- บทลงโทษ:
– ไม่ยื่นแบบ: ค่าปรับอาญาไม่เกิน 2,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือทั้งปรับทั้งจำ
– ไม่ยื่นแบบ: เบี้ยปรับภาษี 1-2 เท่าของยอดภาษีที่ต้องชำระ
– ไม่ยื่นแบบ: เสียเงินเพิ่มร้อยละ 1.5 ต่อเดือน ของภาษีที่ต้องชำระ
การวางแผนภาษีเพื่อประโยชน์สูงสุด
- เข้าใจประเภทของรายได้
ทำความเข้าใจกับประเภทของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี เพื่อที่จะสามารถคำนวณจำนวนภาษีที่ต้องจ่ายอย่างถูกต้อง
- บันทึกบัญชีรายรับรายจ่าย
บันทึกรายได้และค่าใช้จ่ายอย่างเป็นระบบ โดยใช้โปรแกรมบัญชีหรือแอปพลิเคชันจัดการเงินเพื่อให้มีข้อมูลที่ครบถ้วนและแม่นยำ
- รวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้อง
จัดเก็บเอกสารสำคัญ เช่น ใบกำกับภาษี ใบเสร็จรับเงิน และใบกำกับภาษีค่าใช้จ่าย เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการยื่นภาษี
- ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีให้ครบถ้วน
ตรวจสอบและใช้สิทธิลดหย่อนภาษี ที่เกี่ยวข้อง เช่น ค่าลดหย่อนบุตร คู่สมรส และบุพการี รวมถึงค่าลดหย่อนเบี้ยประกันชีวิต ดอกเบี้ยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย และอื่นๆ ตามที่กฎหมายกำหนด.
- วางแผนการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ
พิจารณาวางแผนการลงทุน ในรูปแบบต่างๆ ที่มีการลดหย่อนภาษี เช่น กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) หรือกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF)
- ปรึกษาสำนักงานบัญชีที่เชี่ยวชาญด้านภาษี
หากมีข้อสงสัยหรือความไม่แน่ใจ ควรปรึกษาสำนักงานบัญชีที่เชี่ยวชาญด้านภาษีหรือที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อให้ได้คำแนะนำที่ถูกต้องและเหมาะสม
สรุปประเด็นสำคัญของการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและการวางแผนภาษี ดังนี้
- ใครต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
-
- ผู้มีเงินได้เงินเดือนเกิน 120,000 บาท/ปี
- ผู้มีเงินได้ประเภทอื่นนอกเหนือจากเงินเดือนเกิน 60,000 บาท/ปี
- การคำนวณภาษี
-
- เงินได้สุทธิ = เงินได้ทั้งปี – ค่าใช้จ่าย – ค่าลดหย่อน
- ภาษีที่ต้องจ่าย = อัตราภาษีตามเงินได้สุทธิ x เงินได้สุทธิ
- ค่าลดหย่อนสำคัญ
-
- ค่าลดหย่อนส่วนตัว คู่สมรส บุตร ผู้พิการ ผู้สูงอายุ
- ค่าลดหย่อนเบี้ยประกันชีวิต ประกันสุขภาพ เงินบริจาค
- ค่าลดหย่อนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุน RMF กองทุน LTF
- การวางแผนภาษี
-
- เข้าใจประเภทรายได้และบันทึกบัญชีอย่างละเอียด
- รวบรวมเอกสารหลักฐานต่างๆ อย่างครบถ้วน
- ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีให้ครบถ้วน
- วางแผนการลงทุนที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี
- ปรึกษาสำนักงานบัญชีที่เชี่ยวชาญด้านภาษีหากมีข้อสงสัย
- สำหรับผู้ที่ไม่เคยยื่นภาษีมาก่อน
-
- ลงทะเบียนเลขประจำตัวผู้เสียภาษีกับกรมสรรพากร
- เตรียมเอกสารประกอบการยื่นภาษีให้ครบถ้วน
- ทำความเข้าใจกำหนดการ วิธียื่น และค่าปรับต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้น
สำหรับผู้ที่ไม่เคยยื่นภาษีมาก่อน การเริ่มต้นอาจดูซับซ้อน แต่หากปฏิบัติตามขั้นตอนที่ถูกต้อง การจัดการภาษีก็จะง่ายขึ้น เริ่มต้นจากการลงทะเบียนเลขประจำตัวผู้เสียภาษีและเตรียมเอกสารประกอบการยื่นภาษีให้ครบถ้วน รวมถึงการเลือกแบบฟอร์มภาษีที่เหมาะสมกับรายได้ของคุณ
อย่าลืมใช้สิทธิลดหย่อนภาษีที่มีให้ครบถ้วนเพื่อประโยชน์สูงสุด หากคุณยังมีข้อสงสัยในการคำนวณภาษีหรือกำลังมองหาวิธีการวางแผนภาษีอย่างมีประสิทธิภาพ การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีจะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่ายื่นภาษีได้ถูกต้องและคุ้มค่า