กรณีการจ่ายเบี้ยประกันชีวิต (ประกันคีย์แมน) ตามหลักสรรพากร สิ่งที่เจ้าของกิจการควรรู้

กรณีการจ่ายเบี้ยประกันชีวิต (ประกันคีย์แมน) ตามหลักสรรพากร สิ่งที่เจ้าของกิจการควรรู้

การทำประกันชีวิตแบบ “ประกันคีย์แมน” (Keyman Insurance) ถือเป็นการป้องกันความเสี่ยงสำหรับธุรกิจในกรณีที่บุคคลสำคัญขององค์กรเสียชีวิต หรือไม่สามารถทำหน้าที่ได้อีกต่อไป ซึ่งกรมสรรพากรกำหนดแนวทางเกี่ยวกับการจ่ายเบี้ยประกันชีวิตประเภทนี้ไว้อย่างละเอียด เพื่อให้เจ้าของกิจการและบริษัทดำเนินการได้อย่างถูกต้อง

แนวทางการพิจารณาของกรมสรรพากร

1. การจ่ายเบี้ยประกันชีวิตให้กับกรรมการผู้จัดการ

ข้อหารือ

บริษัทจ่ายเบี้ยประกันชีวิตให้กรรมการผู้จัดการเพื่อเป็นสวัสดิการ และตอบแทนผลงาน โดยมีคำถามว่า

  • เบี้ยประกันชีวิตที่บริษัทจ่ายสามารถหักเป็นค่าใช้จ่ายได้หรือไม่?
  • เบี้ยประกันนี้ถือเป็นรายได้พึงประเมินของกรรมการหรือไม่?

แนววินิจฉัย

  1. หากบริษัทจ่ายเบี้ยประกันชีวิตให้กับกรรมการตามระเบียบที่จัดทำขึ้นอย่างทั่วถึง บริษัทสามารถนำค่าใช้จ่ายนี้มาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ เพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลได้
  2. เบี้ยประกันชีวิตที่บริษัทจ่ายให้กรรมการถือเป็น “ประโยชน์เพิ่ม” ที่กรรมการได้รับ และต้องนำไปคำนวณเป็นรายได้พึงประเมิน ตาม มาตรา 40 (1) ของประมวลรัษฎากร
  3. หากบริษัทจ่ายภาษีแทนกรรมการ บริษัทสามารถนำค่าใช้จ่ายนี้มาหักเป็นรายจ่ายได้เช่นกัน

2. การรับเงินสินไหมทดแทนจากประกันคีย์แมน

ข้อหารือ

  • เงินสินไหมทดแทนกรณีการเสียชีวิตของกรรมการที่บริษัทรับไว้ หรือยกให้ครอบครัวกรรมการ จะมีภาระภาษีหรือไม่?

แนววินิจฉัย

  1. กรณีที่บริษัทเป็นผู้รับผลประโยชน์ตามกรมธรรม์
    • เงินสินไหมทดแทนที่บริษัทได้รับถือเป็นรายได้ และต้องนำไปคำนวณในกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษี
  2. กรณีที่ครอบครัวหรือทายาทกรรมการเป็นผู้รับผลประโยชน์
    • เงินสินไหมทดแทนที่ได้รับถือเป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับการยกเว้นภาษี ตาม มาตรา 42 (13)

หลักการบันทึกบัญชี

  1. กรณีการจ่ายเบี้ยประกันชีวิต
    • บันทึกเป็นค่าใช้จ่ายของบริษัท
    • หากผู้รับผลประโยชน์เป็นบริษัท เบี้ยประกันถือเป็นรายจ่ายที่เกี่ยวข้องกับกิจการ
  2. กรณีการรับเงินสินไหมทดแทน
    • บันทึกเป็นรายได้ของบริษัท
    • หากยกผลประโยชน์ให้บุคคลอื่น ต้องบันทึกการโอนผลประโยชน์ให้ชัดเจน

กรณีตัวอย่างจากกรมสรรพากร

กรณีที่ 1

เบี้ยประกันชีวิตที่บริษัทจ่ายให้กรรมการทุกคนตามระเบียบบริษัท

  • เบี้ยประกันสามารถหักเป็นค่าใช้จ่ายได้ ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (3) และ (13)
  • หากบริษัทเป็นผู้รับผลประโยชน์ กรรมการไม่ต้องนำไปคำนวณเป็นรายได้พึงประเมิน

กรณีที่ 2

เบี้ยประกันชีวิตที่บริษัทจ่ายให้กรรมการ และผู้รับผลประโยชน์เป็นครอบครัวกรรมการ

  • เบี้ยประกันนี้ถือเป็นรายได้ของกรรมการ และต้องนำไปคำนวณเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

กรณีที่ 3

ผลประโยชน์จากกรมธรรม์ที่จ่ายคืนระหว่างอายุกรมธรรม์

  • ถือเป็นรายได้พึงประเมินที่ได้รับการยกเว้นภาษี ตามมาตรา 42 (13)

คำแนะนำสำหรับเจ้าของกิจการ

  1. ศึกษาข้อกำหนดของกรมสรรพากรอย่างละเอียด
    • การจ่ายเบี้ยประกันชีวิตหรือประกันคีย์แมนอาจมีผลทางภาษีที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับผู้รับผลประโยชน์ตามกรมธรรม์
  2. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านบัญชีและภาษี
    • หากไม่แน่ใจเกี่ยวกับการดำเนินการ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างถูกต้อง
  3. จัดทำระเบียบและมติที่ประชุมให้ชัดเจน
    • หากต้องการนำค่าใช้จ่ายมาหักลดหย่อนภาษี ควรมีเอกสารและระเบียบที่ชัดเจนในบริษัท

สรุป

การทำประกันชีวิตแบบคีย์แมนเป็นสิ่งที่ช่วยลดความเสี่ยงในธุรกิจ แต่มีผลทางภาษีที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ทั้งในเรื่องของค่าใช้จ่ายของบริษัทและภาระภาษีของกรรมการหรือผู้รับผลประโยชน์ การปฏิบัติตามกฎหมายและคำแนะนำของกรมสรรพากรอย่างถูกต้อง จะช่วยให้บริษัทได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอย่างเหมาะสมและไม่มีปัญหาตามมาในอนาคต

ติดต่อเรา

  • สถานที่ : 1239/144 หมู่บ้าน เดอะ มิราเคิล ซอยเพชรเกษม 63
  • เบอร์โทร : 082-441-6529
  • Email : pm.audit.acc@gmail.com
  • LINE : https://line.me/ti/p/@pmac
  • Website : https://pmaccounting.net
Facebook
Email
Print