หลักการจัดการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายตามมาตรา 40(1-8)

หลักการจัดการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายตามมาตรา 40(1-8)

ในฐานะที่ผู้ประกอบการหลายๆ คนจะต้องเผชิญกับภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ทั้งในฐานะผู้ถูกหักภาษีและนิติบุคคลที่หักภาษี ณ ที่จ่ายเอง บทความนี้จะช่วยเจาะลึกเข้าไปในรายละเอียดเกี่ยวกับภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย โดยเฉพาะการจัดการตามเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(1-8) ซึ่งจะอธิบายให้เข้าใจง่ายและชัดเจน

ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย คืออะไร และใครต้องจ่าย?

ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย เป็นการหักภาษีที่เกิดจากการจ่ายเงินให้กับผู้รับเงิน โดยผู้จ่ายที่เป็นนิติบุคคลจะต้องจดทะเบียนและหักเงินภาษีไว้ส่วนหนึ่งก่อนที่จะจ่ายให้กับผู้รับเงิน ซึ่งอาจเป็นบุคคลธรรมดาหรือบุคคลนิติบุคคล โดยวัตถุประสงค์ของการหักภาษี ณ ที่จ่ายคือเพื่อแบ่งเบาภาระการจ่ายภาษีของผู้มีเงินได้ ซึ่งทำให้พวกเขาไม่ต้องจ่ายภาษีเป็นจำนวนมากในคราวเดียวกันเมื่อถึงเวลายื่นแบบภาษี

การหักภาษี ณ ที่จ่ายนั้น ผู้จ่ายเงินมีหน้าที่ต้องหักภาษีจากเงินที่จ่ายให้ผู้รับเงิน โดยต้องส่งเงินที่หักภาษีไปยังกรมสรรพากรภายในวันที่ 7 ของทุกเดือน หรือยื่นออนไลน์ถึงวันที่ 15 ของทุกเดือน หากไม่ปฏิบัติตามจะถือว่าเป็นความผิดของกิจการ

กรณีที่ลูกจ้างประจำผู้รับเงินมีจำนวนภาษีที่ต้องนำส่งจริงน้อยกว่าภาษีที่ต้องหัก ผู้จ่ายเงินในฐานะนายจ้างจะไม่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย

เงินได้พึงประเมินมาตราไหน ต้องเสียภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย อย่างไร?

ในกิจการมีค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกัน บางประเภทต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายและบางประเภทไม่ต้องหัก โดยสำหรับเจ้าของกิจการนิติบุคคลที่เป็นผู้จ่ายเงิน ต้องหักภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายไว้ก่อนจ่ายให้ผู้รับ ตามอัตราที่กฎหมายกำหนด ซึ่งแตกต่างกันไปตามประเภทเงินได้พึงประเมิน โดยมีรายละเอียดดังนี้:

ประเภทเงินได้พึงประเมินจ่ายบุคคลธรรมดาจ่ายนิติบุคคล
1. มาตรา 40(1) เงินเดือน ค่าจ้างแรงงานหักอัตราก้าวหน้าหัก 3%
2. มาตรา 40(2) การรับทำงานให้ เช่น ค่านายหน้าหักอัตราก้าวหน้าหัก 3%
3. มาตรา 40(3) ลิขสิทธิ์ ค่าสิทธิ์อื่นหักตามอัตราภาษีที่กำหนดหัก 3%
4. มาตรา 40(4)(ก) ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมหัก 15%หัก 1%
5. มาตรา 40(4)(ข) เงินปันผลหัก 10%หัก 10%
6. มาตรา 40(5) ค่าเช่า เช่น ค่าเช่าทรัพย์สินหัก 5%หัก 5%
7. มาตรา 40(6) วิชาชีพอิสระ เช่น หมอ นักบัญชีหัก 3%หัก 3%
8. มาตรา 40(7) รับเหมาฯหัก 3%หัก 3%
9. มาตรา 40(8) รับจ้างหัก 3%หัก 3%
10. มาตรา 40(8) โฆษณาหัก 2%หัก 2%
11. มาตรา 40(8) แข่งขันหัก 5%หัก 5%
12. มาตรา 40(8) ชิงโชคหัก 5%หัก 5%
13. มาตรา 40(8) นักแสดงหัก 5%
14. มาตรา 40(8) รางวัลตามเป้าส่งเสริมการขายหัก 3%หัก 3%
15. มาตรา 40(8) ขนส่งหัก 1%หัก 1%
16. มาตรา 40(8) ประกันภัยหัก 1%หัก 1%
17. มาตรา 40(8) บริการอื่นๆหัก 3%หัก 3%

แบบไหนได้ยกเว้นภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย

ในกรณีที่นิติบุคคลมียอดค่าใช้จ่ายสินค้าหรือบริการที่ยอดเงินไม่ถึง 1,000 บาทในการจ่ายแต่ละครั้ง ผู้จ่ายเงินไม่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย แต่มีข้อยกเว้นในบางกรณี เช่น หากมีการจ่ายอย่างต่อเนื่องแม้ยอดเงินแต่ละครั้งจะไม่ถึง 1,000 บาท ผู้จ่ายก็จะต้องหักภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายอยู่ดี เช่น ค่าบริการโทรศัพท์ที่ต้องจ่ายทุกเดือน ถึงแม้ยอดแต่ละครั้งจะไม่ถึง 1,000 บาท แต่รวมกันหลายยอดแล้วเกิน 1,000 บาท

หักภาษี ณ ที่จ่ายแล้ว ต้องออกหนังสือรับรองหัก ณ ที่จ่ายด้วย

หลังจากที่ผู้มีรายได้ตามประเภทเงินได้พึงประเมินถูกหักภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายไปแล้ว ผู้ถูกหักภาษีจะต้องขอใบรับรองหัก ณ ที่จ่ายจากนิติบุคคลที่หักเงินของตน เพื่อที่จะนำไปลดภาษีตอนสิ้นปีได้ โดยทั่วไปผู้จ่ายเงินจะต้องจัดทำและมอบเอกสาร หนังสือรับรองหัก ณ ที่จ่าย (50 ทวิ) ให้กับผู้รับเงิน เพื่อเป็นหลักฐานในการหักเงินไว้ โดยจะต้องออกเอกสารให้ผู้รับเงิน 2 ฉบับ รวมถึงเก็บไว้เป็นหลักฐานอย่างน้อย 1 ฉบับ

ผู้รับเงินหรือผู้ที่ถูกหักเงินไป สามารถใช้หนังสือรับรองหัก ณ ที่จ่ายเพื่อเป็นหลักฐานในการยื่นภาษีต่อกรมสรรพากร และสามารถลดภาษีตามจำนวนที่ถูกหักไประหว่างปีได้ หรือหากมีภาษีที่จ่ายล่วงหน้าไว้เกินก็สามารถขอคืนภาษีได้

สรุป

เรื่องของภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายอาจมีความซับซ้อนในรายละเอียด เนื่องจากในปัจจุบันมีธุรกิจและอาชีพที่หลากหลายมากขึ้น การเปรียบเทียบกับประเภทเงินได้พึงประเมินตามที่กฎหมายกำหนดอาจเกิดความสับสนได้ ดังนั้น ควรใช้บริการจากนักบัญชีผู้เชี่ยวชาญเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาดในการคำนวณภาษี และทำให้การดำเนินกิจการเป็นไปอย่างราบรื่นและถูกต้องตามกฎหมาย

ติดต่อเรา

  • สถานที่ : 1239/144 หมู่บ้าน เดอะ มิราเคิล ซอยเพชรเกษม 63
  • เบอร์โทร : 082-441-6529
  • Email : pm.audit.acc@gmail.com
  • LINE : https://line.me/ti/p/@pmac
  • Website : https://pmaccounting.net
Facebook
Email
Print