เปิดข้อมูล หลักการทำ e-Tax Invoice สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก

เปิดข้อมูล หลักการทำ e-Tax Invoice สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก

การจัดการภาษีเป็นเรื่องสำคัญสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก โดยเฉพาะเมื่อมีรายได้ถึง 1.8 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) และทำการยื่นแบบ ภ.พ.30 พร้อมเอกสารใบกำกับภาษีทุกเดือน ถึงแม้ว่าจะไม่มีรายได้หรือรายจ่ายในเดือนนั้นๆ ก็ตาม ดังนั้น การใช้ระบบ e-Tax Invoice จะช่วยให้การจัดการภาษีสะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ระบบ e-Tax Invoice คืออะไร?

e-Tax Invoice คือระบบการจัดทำและส่งมอบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านอีเมล ซึ่งกรมสรรพากรได้กำหนดให้ผู้ประกอบการจดทะเบียน VAT สามารถใช้ระบบนี้ได้ เพื่อความสะดวกในการออกใบกำกับภาษี การส่งมอบ และการเก็บรักษาข้อมูล โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่มีรายได้ไม่เกิน 30 ล้านบาทต่อปี

เหตุผลที่ธุรกิจขนาดเล็กควรใช้ e-Tax Invoice by Email

  1. ความสะดวกสบาย: การจัดทำ e-Tax Invoice ผ่านระบบออนไลน์ช่วยลดภาระในการจัดการเอกสาร กระบวนการง่าย และไม่ซับซ้อน
  2. ประหยัดเวลา: ระบบอิเล็กทรอนิกส์ทำให้การส่งมอบและเก็บรักษาใบกำกับภาษีเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
  3. การติดตามข้อมูล: ระบบช่วยให้สามารถติดตามและเข้าถึงข้อมูลใบกำกับภาษีได้อย่างง่ายดาย
  4. รองรับการทำธุรกรรมที่มีประสิทธิภาพ: ระบบช่วยให้การทำธุรกรรมกับผู้ซื้อหรือผู้รับบริการเป็นไปอย่างราบรื่น

ขั้นตอนการจัดทำ e-Tax Invoice by Email

  1. การลงทะเบียน: ผู้ประกอบการจดทะเบียน VAT ต้องลงทะเบียนขอใช้ระบบ e-Tax Invoice ผ่านเว็บไซต์กรมสรรพากร
  2. การส่งมอบข้อมูล: เมื่อจัดทำ e-Tax Invoice เสร็จแล้ว ผู้ประกอบการต้องส่งข้อมูลไปยังที่อยู่อีเมลของผู้ซื้อและระบบประทับรับรองเวลา
  3. การเก็บรักษาข้อมูล: ผู้ประกอบการต้องรักษาความถูกต้องของข้อมูลใบกำกับภาษีและเก็บรักษาในรูปแบบที่สามารถเข้าถึงได้

เงื่อนไขในการจัดทำ e-Tax Invoice

  1. เอกสารที่ต้องจัดทำในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์: รวมถึงใบกำกับภาษี (ตามมาตรา 86/4), ใบเพิ่มหนี้ (ตามมาตรา 86/9), และใบลดหนี้ (ตามมาตรา 86/10)
  2. การส่งข้อมูลให้แก่ผู้ซื้อ: ผู้ประกอบการต้องส่งข้อมูล e-Tax Invoice ไปยังที่อยู่จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ของผู้ซื้อ
  3. การแก้ไขข้อมูลใน e-Tax Invoice: หากข้อมูลไม่ถูกต้อง ผู้ประกอบการต้องจัดทำ e-Tax Invoice ฉบับใหม่ พร้อมระบุการยกเลิกในรายงานภาษีขาย
  4. การเก็บรักษาข้อมูล: ผู้ประกอบการต้องเก็บรักษาข้อมูลใบกำกับภาษีในรูปแบบที่เชื่อถือได้

ข้อความที่ต้องระบุในชื่อเรื่องของจดหมายอิเล็กทรอนิกส์

การระบุข้อความในชื่อเรื่องของจดหมายอิเล็กทรอนิกส์จะช่วยในการติดตามข้อมูล ได้แก่:

  • ในใบกำกับภาษี: “วัน เดือน ปี ที่ออกใบกำกับภาษี (INV) (เลขที่ใบกำกับภาษี)”
  • ในใบเพิ่มหนี้: “วัน เดือน ปี ที่ออกใบเพิ่มหนี้ (DBN) (เลขที่ใบเพิ่มหนี้) (เลขที่ใบกำกับภาษีเดิม)”
  • ในใบลดหนี้: “วัน เดือน ปี ที่ออกใบลดหนี้ (CRN) (เลขที่ใบลดหนี้) (เลขที่ใบกำกับภาษีเดิม)”

ระยะเวลาบังคับใช้

ระบบ e-Tax Invoice จะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2566 โดยผู้ประกอบการที่ต้องการใช้ระบบนี้สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์กรมสรรพากร

สรุป

การจัดทำ e-Tax Invoice เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการภาษี โดยเฉพาะเมื่อจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว หากเจ้าของธุรกิจรู้สึกว่าสิทธิการทำ e-Tax Invoice มีความยุ่งยาก สามารถขอคำปรึกษาจากสำนักงานบัญชีคุณภาพ เพื่อให้ได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วน

การปรับตัวเข้าสู่ระบบ e-Tax Invoice เป็นก้าวสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของธุรกิจขนาดเล็กในยุคดิจิทัลนี้

ติดต่อเรา

  • สถานที่ : 1239/144 หมู่บ้าน เดอะ มิราเคิล ซอยเพชรเกษม 63
  • เบอร์โทร : 082-441-6529
  • Email : pm.audit.acc@gmail.com
  • LINE : https://line.me/ti/p/@pmac
  • Website : https://pmaccounting.net
Facebook
Email
Print